วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

PASSION INCOME ค้นหาความชอบ เพื่อมอบรายได้ที่ใช่ ตอนที่ 2



PASSION IN
OME ค้นหาความชอบ เพื่อมอบรายได้ที่ใช่ ตอนที่ 2
Picture Credit : flickr.com
storylog

จากบทความตอนเดิมที่ผ่านมา
– PASSION INCOME คู่มือค้นหาความชอบ เพื่อมอบรายได้ที่ใช่ ตอนที่ 1

มาค้นหา Passion ของเรากันต่อค่ะ ( มาถึงก็เข้าเรื่องกันเลยเนอะ )

2. ยอมรับในความเป็นเรา

มีหนังสือจิตวิทยา หลายเล่ม บอกเล่าเกี่ยวกับ ตัวตนของเรา ว่ามีอยู่ 3 อย่าง

1. ตัวตน ที่คนอื่นมองเห็นเรา

2. ตัวตน ที่เราสร้างขึ้น หรือ ตัวตนในอุดมคติที่เราอยากจะเป็น

3. ตัวตนแท้จริงของเรา

ผู้เขียน คิดว่า ข้อ 1+ ข้อ 2
เปรียบเหมือนกับ เฝือก หรือหน้ากาก
ที่ปกป้องเราไว้จาก สิ่งต่างๆ ภายนอก
ที่เราอาจกังวลใจไปเองว่า เสี่ยงเกินไปที่จะเปิดเผย ตัวตนจริงๆ ออกไป

หรืออาจจะใส่หน้ากากเพื่อเสริมสร้างความสวยงาม
เอาใจผู้คนทั้งหลายที่มองมา

อันที่จริงแล้ว ‘เฝือก’ เป็นสิ่งจำเป็นมากยามบาดเจ็บ
ยามที่กล้ามเนื้อ หรือกระดูกอ่อนแอ แตกหัก
ใช้เยียวยา แผลภายในให้มีเวลารักษาตัวเอง
แต่อย่าลืมว่า เฝือกเป็นเพียงเปลือกนอก !
เมื่อเราหายแล้ว หรือพร้อมเปิดรับกับโลกภายนอกแล้ว

เราต้องถอดออก !

คนเราไม่สามารถ มีเฝือก ทั่วตัว แล้วอาศัยร่างเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นได้
นอกจากอึดอัดแล้ว ยังไม่มีการพัฒนาใดๆ ต่อไปได้อีกเลย

ส่วนหน้ากาก ก็เป็นอีกสิ่งแปลกปลอม

ที่หลายๆ ครั้งเราจำเป็นต้องมีไว้
เผื่อเวลาคับขับ ก็หยิบมาใช้หลบหนี จากสถานการณ์ ที่ไม่พึงใจ

หรืออาจมีไว้เพื่อหลอกลวง ผู้อืน ให้มาหลงรัก ให้มาเชื่อถือ
โดยลืมไปว่า พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วนมีหน้ากากด้วยเช่นกัน !

ต่อให้หน้ากากสวยงามขนาดไหน แต่ก็คือสิ่งแปลกปลอม วันยังค่ำ

หากเรายึดติดกับมัน นานวันเข้า
ช่องว่างระหว่างหน้ากากกับ ตัวตนที่แท้จริง
ก็เชื่อมเข้าหากันมากยิ่งขึ้น..หนาแน่นขึ้น จนยากที่จะถอดออก

และเมื่อใดก็ตาม ที่เรายังไม่กล้าที่จะถอดหน้ากากออก..
เมือนั้น หน้ากากจะเป็นอันตรายที่สุด !
เพราะในที่สุดแล้ว หน้ากากที่เคยคิดว่า สวยงาม เลอค่า เพียงใดก็ตาม

ก็ไม่สามารถ ตอบโจทย์ ความชอบ ความใช่ ในชีวิตเราได้เลย

คนเราล้วนหวาดกลัวกันเกินไป ในการเปิดเผยตัวเอง

เราเชื่อว่า พระเจ้าไม่ได้เล่นทอดลูกเต๋า !

…ทุกสิ่งที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วล้วนมีเหตุและผลบางอย่าง

ถ้าการเปิดหน้ากากออก มันยากนัก
ยังไม่ต้องเปิดเผยตัวตนของเรา สู่โลกภายนอกก็ได้
แต่… เราต้องยอมรับมัน ให้ได้จากส่วนที่ลึกที่สุดในจิตใจ !

ถ้าคุณมีฝีมือในการย่างหมู
คุณอาจเป็นเจ้าแห่ง หมูย่างห่อใบตอง เงินล้าน
…ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านอาหารฝรั่งเศสในห้างหรู


ถ้าคุณ มีความสุขกับความอวบอ้วนของตัวเอง
…คุณอาจขายเสื้อผ้า ไซส์ XXL ที่ดีไซน์เองตีตลาดจีน

ถ้าชีวิต ให้ ‘ส้ม’ คุณมา คุณก็ควรทำ น้ำส้ม…อย่าพยายามทำ บลูเบอร์รี่กรีนที !

ถ้าชีวิตให้ ‘มะละกอดิบ’ คุณมา
คุณก็ควรทำส้มตำ ระดับตำนาน…อย่าพยายามทำ ตับห่านย่าง !

ถ้าชีวิตให้ เงินทองล้นเหลือ
คุณก็ควรเป็นนักลงทุน ใช้ชีวิตทางธรรม และ ผู้บริจาคทาน.
ไม่ควรไปเล่นการเมือง เพียงเพราะอำนาจชื่อเสียง ปลอมๆ หวังให้คนอื่นนับหน้าถือตา

ก่อนจะลงเล่นในเกมส์ชีวิต ที่คิดว่าใช่ ใดๆ ก็ตาม
ลองจินตนาการดูว่า ขณะที่กำลังลงไปคลุกฝุ่น คลุกดิน อยู่กลางสนามนั่น
เป็นตัวเองจริงๆ หรือคนที่ยังต้องแบกเฝือก แบกหน้ากากไปลงสนามอยู่

ถ้ายังต้องปั้นแต่งหน้ากากให้สวยงาม
และ เสริมเฝือกให้แข็งโป๊ก
นั่นไม่ใช่เกมส์ ของคุณแล้วล่ะ…

สามสิ่งนี้ ใช้วัดการเป็นตัวตนแท้จริงได้ค่ะ
1 ความพึงพอใจ ในชีวิต ( พึงใจ + พอแล้ว )
2 ภูมิใจในความกล้าหาญ ตามหนทางของเรา ไม่ต้องตามรอยเท้าใคร
3 อิสรภาพ ที่คนในสังคม ไม่เคยให้คะแนน
ขอให้ ” เล่น ” ในเกมส์ของเราค่ะ !

3. ทดลอง ทดลอง และ ทดลอง

มีน้อยคนมากที่อยู่ๆ ตื่นขึ้นมาก็ได้พบกับ PASSION ของตัวเอง ++

คุณจำเป็นต้องลองผิดลองถูก
( แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วจะผิดซะมากกว่า )

มันอาจต้องใช้เวลาเป็นปี หรือหลายปี

แต่ขอให้มั่นใจว่า ตลอดเส้นทางของการค้นหา

คุณจะค่อยๆ มองเห็นตัวเองได้ชัดเจนขึ้น

คุณจะรู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของคุณ

อะไรคือสิ่งที่คุณทำได้ดีโดยที่แทบไม่ต้องพยายาม

อะไรที่คุณยังมีพลังจะทำต่อไป แม้จะเจออุปสรรคบั่นทอน

…สิ่งที่สำคัญคือ อย่ากลัวที่จะล้มเหลว

และอย่าดูถูกความสามารถของคุณเอง

ว่าจะสร้างเงินได้หรือไม่ เพราะนั่นคือ Step ต่อไป
หากคุณยังลังเลสงสัย

หรือเข็ดขยาดกับความล้มเหลวซ้ำซากในการทดลองใช้ชีวิต

ลองฟังเรื่องราว ของชายเจ้าของวลี คนนี้ค่ะ
“I am not inventing anything , my dream invented it.”

(Thomas Edison)
ใช่แล้วค่ะ นักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ

ที่เราท่องจำชื่อเขาได้ตั้งแต่เรียนชั้นประถม

“โทมัส อัลวา เอดิสัน”

เขาทำการทดลองเรื่องหลอดไฟ ถึง 20,000 ครั้ง
และในแต่ละครั้งที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จนั้น
เขาไม่เคยมีความท้อใจเลย นั่นเป็นเพราะ
ความเชื่ออันทรงพลังของเขาที่ไม่เคยคิดเลยว่า
ที่ผ่านๆมานั่นคือความล้มเหลว แต่เขาเรียกมันว่า

‘ การค้นพบ ทางที่ยังไม่สำเร็จต่างหาก ‘

ขอยกประโยคสนทนา มาดังนี้ค่ะ
ดอนฮวนพูดว่า : “ขอโทษด้วยที่ต้องรบกวน มิสเตอร์เอดิสัน”
“แต่เราอยากจะถามคุณสักหน่อยว่า อัจฉริยะอย่างคุณรู้สึกยังไง
ในตอนที่ชาวบ้านหาว่าคุณบ้าที่พยายามประดิษฐ์ หลอดไฟ
คุณรู้สึกยังไงในตอนที่คุณล้มเหลวมา 10,000 ครั้งก่อนที่จะประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าได้สำเร็จ”

มิสเตอร์เอดิสันเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดว่า :

“I have not failed.
I’ve just found 10,000 ways that won’t work.”
“ ผมไม่ได้ล้มเหลว แต่ผมค้นพบวิธีที่ไม่ได้ผลถึง 10,000 วิธี ”

thomas alva edisons
เอดิสัน เป็นตัวอย่างที่ดีมาก
สำหรับคนที่มี PASSION ที่ทรงพลัง

เขาไม่ได้เพียงแค่คิดลอยๆ
' แต่ตั้งใจทำมันอย่างเอาเป็นเอาตาย '

เพื่อให้ หลอดไฟของเขา ได้เปล่งแสง แม้เพียงสักครั้ง!
…และเพียงครั้งเดียว นั่นก็เพียงพอแล้ว
ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ

คำจำกัดความของ PASSION สำหรับ เอดิสัน
อาจคือประโยคคำพูดง่ายๆ ของเขาที่ว่า
“I never did a day’s work in my life. It was all fun.”


ขอส่งท้ายบทความด้วยประโยคภาษาจีนนี้ค่ะ

有些人还在继续梦想成功时,

另一些人却已经醒来努力为之奋斗了。

ขณะที่คนบางคนยังคงฝันถึงความสำเร็จอยู่

คนบางคนได้ตื่นขึ้นและพยายามดิ้นรนเพื่อมันแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น